เฉดสีของเพชรสีแดง: จากแดงสดจนถึงแดงม่วง

เพชรสีแดง (Red Diamond) คือหนึ่งในอัญมณีที่หายากที่สุดในโลก แต่ภายในกลุ่มเพชรสีแดงเองยังมีความแตกต่างของเฉดสีหลากหลาย ตั้งแต่แดงสดบริสุทธิ์จนถึงแดงม่วงหรือแดงออกน้ำตาล ซึ่งแต่ละเฉดสีจะส่งผลต่อความงาม ความหายาก และมูลค่าอย่างชัดเจน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเฉดสีต่าง ๆ ของเพชรสีแดงอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมบางเฉดจึงมีราคาสูงกว่ามาก

เฉดสีของเพชรสีแดงถูกกำหนดอย่างไร

สถาบันระดับโลกอย่าง GIA (Gemological Institute of America) จะประเมินเพชรสีแฟนซีโดยดูจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1. Hue (โทนสีหลัก) – สีหลักที่มองเห็น เช่น Red, Purplish Red

2. Tone (ความเข้มของสี) – สว่างหรือมืด

3. Saturation (ความสดของสี) – ความแรงของเฉดสี

เพชรสีแดงที่มี “Red” เป็นสีหลักและมี Saturation สูงจะเป็นเฉดที่มีมูลค่าสูงที่สุด

เฉดสีหลักของเพชรสีแดง

1. Fancy Red – แดงบริสุทธิ์ (Pure Red)

นี่คือเฉดที่หายากที่สุดในโลก

• ไม่มีอมสีอื่นเจือปน

• สีแดงสด ดูเข้มชัด และสม่ำเสมอ

• เป็นเฉดที่ราคาสูงที่สุด

เพชรที่ได้เกรด Fancy Red มีจำนวนเพียงไม่กี่เม็ดในประวัติศาสตร์ การได้เห็นเพชรสีแดงบริสุทธิ์ถือว่าเป็นเหตุการณ์พิเศษสำหรับวงการอัญมณี

2. Purplish Red – แดงอมม่วง

เพชรสีแดงเฉดนี้คือเพชรสีแดงที่มีโทนม่วงผสม โดยสีม่วงมักทำให้เพชรดูลึกและสวยเป็นประกาย

• พบได้มากกว่า Fancy Red แต่ยังคงหายากมาก

• ราคาสูงรองลงมาจากแดงบริสุทธิ์

• โทนอมม่วงมักให้ความรู้สึกหรูหราและล้ำลึก

เพชรแดงเฉดนี้ได้รับความนิยมในงานประมูลระดับโลกเพราะให้สีที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

3. Brownish Red – แดงออกน้ำตาล

เป็นเฉดที่พบมากที่สุดในบรรดาเพชรสีแดง

• มีโทนน้ำตาลเจือปน

• สีดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ

• ราคาย่อมเยากว่าเพชรแดงบริสุทธิ์หรือแดงอมม่วง

แม้ว่าจะไม่จัดอยู่ในเฉดที่หายากที่สุด แต่เพชรสีแดงแบบ Brownish Red ก็ยังคงมีความงามและเอกลักษณ์เฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพชรสีแดงในงบประมาณที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ระดับความเข้มของสี (Intensity Levels)

GIA แบ่งระดับความเข้มของเพชรสีแดงคล้ายกับเพชรแฟนซีสีอื่น เช่น:

• Fancy Light Red

• Fancy Red

• Fancy Deep Red

ระดับสีเข้มกว่า (Fancy Deep Red) มักมีราคาสูงกว่า เพราะให้สีที่เด่นชัดและเป็นที่ต้องการของนักสะสม

เฉดสีไหน “แพงที่สุด”?

คำตอบคือ: Fancy Red (แดงบริสุทธิ์)
เพราะเป็นเฉดที่หายากที่สุดและมีความสวยงามที่สุด ไม่มีโทนอื่นเจือปน

ถัดมาคือ Purplish Red (แดงอมม่วง)
ซึ่งให้ความรู้สึกลึกลับ ล้ำลึก และหรูหรา เป็นที่นิยมอย่างมาก

เฉดที่ราคาย่อมเยาที่สุดคือ Brownish Red (แดงออกน้ำตาล)
ซึ่งแม้พบได้บ่อยกว่า แต่ยังคงจัดอยู่ในกลุ่มอัญมณีระดับ Rare Item

ทำไมเฉดสีจึงส่งผลต่อราคาอย่างมาก?

1. ความหายากตามธรรมชาติ – เฉดแดงบริสุทธิ์เกิดขึ้นยากที่สุด

2. ความสวยงามของสี – ยิ่งสด ยิ่งเข้ม ยิ่งมีมูลค่าสูง

3. ความต้องการในตลาดประมูล – นักลงทุนต้องการเฉดสีที่หายากและโดดเด่นที่สุด

4. แหล่งกำเนิดที่ลดลง – เหมือง Argyle ปิดแล้ว ทำให้เพชรสีแดงทุกเฉดมีราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สรุป: จากแดงสดถึงแดงม่วง ทุกเฉดของเพชรสีแดงต่างหายากและทรงคุณค่า

ไม่ว่าจะเป็น แดงบริสุทธิ์, แดงอมม่วง, หรือ แดงออกน้ำตาล ทุกเฉดของเพชรสีแดงล้วนเป็นอัญมณีระดับ Rare ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเฉด Fancy Red ซึ่งถือเป็นที่สุดของความหายากและความงาม

หากคุณกำลังมองหาเพชรสีแดงเพื่อสะสม ลงทุน หรือใช้ในงานพิเศษ การเข้าใจเฉดสีคือกุญแจสำคัญในการเลือกเพชรที่มีมูลค่ามากที่สุดในระยะยาว