เหมือง Argyle ในเขตคิมเบอร์ลีย์ (Kimberley) ประเทศออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นเพียงเหมืองเพชรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ซึ่งมีธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนกลายเป็นแหล่งผลิตเพชรสีชมพูและ เพชรสีแดง (Red Diamond) คุณภาพสูงกว่า $90\%$ ของโลก แม้ว่า Argyle จะปิดดำเนินการไปแล้วในปี 2020 แต่บทบาทของมันในการให้กำเนิด เพชรสีแดง ยังคงเป็นปริศนาทางธรณีวิทยาที่น่าทึ่ง การทำความเข้าใจว่าเหตุใด Argyle จึงมีความสามารถพิเศษในการสร้างสีแดงและชมพูได้นั้น ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งในแง่ของธรณีเคมี (Geochemistry) โครงสร้าง (Structural Geology) และพลวัตของโลก (Earth Dynamics) ตามหลักการของ EEAT (Expertise, Experience, Authoritativeness, Trustworthiness)
เหมืองเพชรส่วนใหญ่ของโลกเกิดจาก ท่อคิมเบอร์ไลต์ (Kimberlite Pipes) แต่ Argyle เป็นแหล่งเพชรที่เกิดจาก หินแลมโพรไอต์ (Lamproite) ซึ่งเป็นหินอัคนีภูเขาไฟชนิดพิเศษที่มีส่วนประกอบแตกต่างออกไป และมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ เพชรสีแดง ที่มีสีสันโดดเด่น
หินแลมโพรไอต์ (Lamproite): หินที่พาเพชรจาก Argyle ขึ้นสู่ผิวโลกมีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซียม (Potassium) และธาตุที่เข้ากันไม่ได้ (Incompatible Elements) สูง ซึ่งบ่งชี้ว่ามันเกิดจากการหลอมเหลวบางส่วน (Partial Melting) ของชั้นเนื้อโลกที่อุดมไปด้วยองค์ประกอบเฉพาะ
ความบริสุทธิ์ของเพชร (Type IIa Dominance): แม้ว่า Argyle จะผลิตเพชรในปริมาณมหาศาล แต่เพชรส่วนใหญ่จาก Argyle มี ไนโตรเจน (Nitrogen) ต่ำมาก และจัดอยู่ในประเภท Type IIa (แม้ว่าจะมีไนโตรเจนเล็กน้อยแบบ Type IaB ปะปนอยู่) ความบริสุทธิ์ทางเคมีในแง่ของการขาดไนโตรเจนนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสีแดงใน เพชรสีแดง เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างเท่านั้น หากมีไนโตรเจนสูงเกินไป สีเหลืองที่เกิดจากไนโตรเจนจะเข้ามาผสม ทำให้เกิดสีส้มหรือสีน้ำตาลแทน
อายุที่ค่อนข้าง "อายุน้อย": เพชรใน Argyle มีอายุประมาณ $1.5$ พันล้านปี ซึ่งอยู่ในช่วงอายุเดียวกับเพชรทั่วไป อย่างไรก็ตาม ตัวหินแลมโพรไอต์ที่นำเพชรขึ้นมานั้นมีอายุเพียง $1.1$ พันล้านปี ซึ่งถือว่าค่อนข้างอายุน้อยเมื่อเทียบกับคิมเบอร์ไลต์ส่วนใหญ่ (ที่มักมีอายุ $1.2$ พันล้านปีขึ้นไป) นี่บ่งชี้ถึงเหตุการณ์การปะทุขึ้นสู่ผิวโลกที่ค่อนข้างใหม่
กลไกหลักที่ทำให้เกิดสีแดงคือ การเปลี่ยนรูปทางพลาสติก (Plastic Deformation) ซึ่ง Argyle มีสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาที่สมบูรณ์แบบในการเหนี่ยวนำให้เกิดความเครียดนี้อย่างเข้มข้น
ตำแหน่งที่ตั้ง: เหมือง Argyle ตั้งอยู่ใกล้กับแนวรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลก (Tectonic Plate Boundary) ในอดีต ซึ่งเป็นเขตที่มี แรงเฉือน (Shear Stress) และ แรงบีบอัด (Compressional Stress) สูง
การก่อกำเนิดของสี: เชื่อกันว่าในช่วง $1.1$ พันล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่หินแลมโพรไอต์ของ Argyle ถูกนำขึ้นมาสู่ผิวโลก พื้นที่นี้ต้องเผชิญกับ การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกในระดับมหาศาล ซึ่งสร้าง แรงเฉือนมหาศาล ที่ส่งผลกระทบต่อเพชรที่กำลังเดินทางขึ้นมา
แรงเฉือนเหล่านี้กระทำต่อเพชรในทิศทางที่แม่นยำและรุนแรงพอที่จะสร้าง รอยเลื่อน (Dislocations) หรือ โครงสร้างริ้วแถบสี (Colored Graining) ภายในผลึกคาร์บอน
ความเข้มของสี: ความรุนแรงและความต่อเนื่องของความเครียดนี้ทำให้เกิดศูนย์กลางสีที่หนาแน่นและเข้มข้นที่สุด ส่งผลให้เกิด เพชรสีแดง ที่หายากที่สุด (Fancy Red) ซึ่งแทบจะไม่พบในแหล่งเพชรอื่น ๆ
ความสัมพันธ์กับแรงดัน: นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการที่ เพชรสีแดง ส่วนใหญ่มาจากแหล่งกำเนิดเดียว (Argyle) เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าสีแดงเป็นผลผลิตโดยตรงจากเหตุการณ์ทางธรณีวิทยา-โครงสร้างที่เกิดขึ้นเฉพาะในบริเวณนั้น
การสนับสนุนเชิงประสบการณ์ (Experience): ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีทุกคนที่เคยทำงานกับเพชร Argyle ต่างยอมรับว่าลักษณะของ Graining ในเพชรชมพูและ เพชรสีแดง จากแหล่งนี้มีความโดดเด่นและรุนแรงกว่าเพชรสีชมพูจากแหล่งอื่น ๆ (เช่น แอฟริกาใต้หรือบราซิล) ซึ่งเป็นการยืนยันความรู้ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ที่ได้รับจากการตรวจสอบเพชรนับล้านเม็ด
การขาดไนโตรเจน (Type IIa) ควบคู่ไปกับความรุนแรงของแรงเฉือนทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบที่นำไปสู่การเป็น เพชรสีแดง:
บทบาทของไนโตรเจนที่ขาดหายไป: ในเพชรที่มีไนโตรเจนสูง (Type Ia) แรงเฉือนอาจไปสร้างศูนย์กลางสีที่แตกต่างออกไป (เช่น สีส้มหรือสีน้ำตาล) แต่ในเพชร Argyle ที่มีความบริสุทธิ์สูง เมื่อถูกแรงเฉือนกระทำ ศูนย์กลางสีที่เกิดขึ้นจึงเป็นศูนย์กลางที่บริสุทธิ์และทรงพลังในการดูดกลืนแสงสีเขียว-เหลือง ทำให้สีแดงโดดเด่น
ขนาดและคุณภาพ: แม้ว่า Argyle จะเป็นแหล่งผลิตหลัก แต่ เพชรสีแดง ที่มีขนาดใหญ่กว่า $1$ กะรัตนั้นหายากมากแม้กระทั่งในเหมืองนี้ โดยปกติแล้วเพชรสีแดงมักจะมีขนาดเล็ก (น้อยกว่า $0.5$ กะรัต) ซึ่งอาจเป็นเพราะโครงสร้างผลึกขนาดใหญ่มีความเปราะบางต่อการแตกหักเมื่อต้องเผชิญกับแรงเฉือนรุนแรง
การปิดเหมือง Argyle ในปี 2020 เป็นจุดสิ้นสุดของการผลิต เพชรสีแดง ที่เป็นแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือเพียงแห่งเดียวของโลก:
การสิ้นสุดของการผลิต: เนื่องจากกลไกทางธรณีวิทยาเฉพาะที่อธิบายไว้ข้างต้นนั้นไม่สามารถจำลองได้ง่ายในแหล่งเพชรอื่น ๆ ทั่วโลก การปิดตัวของ Argyle จึงหมายถึงการลดลงอย่างฮวบฮาบของอุปทานเพชรสีแดงและชมพูเข้มในตลาดโลก
มูลค่าที่เพิ่มขึ้น: ความรู้ทางธรณีวิทยาที่ว่าเงื่อนไขการกำเนิด เพชรสีแดง นั้นเป็น ปรากฏการณ์เฉพาะที่ (Localised Phenomenon) ทำให้มูลค่าของเพชรสีแดงที่หลงเหลืออยู่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นักลงทุนและนักสะสมมีความเชื่อมั่น (Trustworthiness) ในความหายากถาวรของอัญมณีชนิดนี้
การค้นพบแหล่งใหม่ที่ยาก: แม้ว่าการสำรวจธรณีวิทยาจะดำเนินต่อไป แต่โอกาสในการค้นพบแหล่งแลมโพรไอต์อื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติทางธรณีเคมีและโครงสร้างที่สามารถสร้างความเครียดทางโครงสร้างในระดับเดียวกับ Argyle ได้นั้นถือว่าต่ำมาก
เหมือง Argyle ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่มีเพชรมากเท่านั้น แต่เป็นจุดที่เกิดการบรรจบกันของธรณีวิทยาที่หาได้ยากยิ่ง นั่นคือ การมีอยู่ของเพชร Type IIa ที่บริสุทธิ์ (ขาดไนโตรเจน) ร่วมกับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาที่สร้างแรงเฉือนรุนแรงจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก การรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิด การเปลี่ยนรูปทางพลาสติก ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นกลไกเดียวที่สามารถสร้าง ศูนย์กลางสีแดง (Red Color Centers) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ Argyle จึงเป็นมากกว่าเหมือง แต่เป็น ห้องปฏิบัติการทางธรณีวิทยา ที่ผลิต เพชรสีแดง ซึ่งเป็นอัญมณีที่หายากและมีค่าที่สุดในโลก
เพชรสีแดง