เพชรแฟนซีคัลเลอร์ (Fancy-Colored Diamond) ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอัญมณีที่มีมูลค่าสูงและได้รับความสนใจจากนักสะสมและนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะ เพชรสีแดง ซึ่งมักถูกมองว่า “ราชาแห่งอัญมณีสี” แต่เพชรสีหายากอื่น ๆ อย่างสีน้ำเงิน (Blue), สีเขียว (Green) และสีส้ม (Orange) ก็มีบทบาทในตลาดอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบ ราคาต่อกะรัต (price per carat) ระหว่างเพชรสีแดงและสีหายากอื่น พร้อมอธิบายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาและความแตกต่างทางมูลค่า
ก่อนเข้าสู่ตารางเปรียบเทียบ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไม เพชรสีแดง ถึงมีราคาสูงลิ่ว:
เพชรสีแดงถือว่าหายากที่สุดในกลุ่มเพชรสี เนื่องจากโครงสร้างผลึกถูก “บิดเบี้ยว”ในระดับอะตอม ซึ่งเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นยากมากในธรรมชาติ International Gem Society
ตามข้อมูลของ IGS (International Gem Society) เพชรแดงจำนวนมากมีราคามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อกะรัต International Gem Society
จำนวนเพชรสีแดงที่รู้จักในโลกมีเพียง “20–30 เม็ด” ในหลายแหล่ง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความหายากและมูลค่า International Gem Society
ด้านล่างคือตารางสรุปราคาโดยประมาณ (หรือมูลค่าที่เคยเกิดขึ้น) ของเพชรสีแดงเทียบกับเพชรสีฟ้า เขียว และส้ม:
| สีเพชร | ราคาต่อกะรัต (โดยประมาณ) | เหตุผลสำคัญที่กำหนดราคา |
|---|---|---|
| แดง (Red) | มากกว่า US$1,000,000 ต่อกะรัต มูลค่าสูงตาม IGS International Gem Society | ความหายากสูง, สีแดงบริสุทธิ์, การสะสมจากนักลงทุน |
| ฟ้า (Blue) | ตัวอย่างจาก IGS ระบุว่า “blue diamonds” ระดับกลาง-เข้มประมาณ ~US$200,000 สำหรับบางเม็ด แต่เม็ด “Fancy Vivid Blue” ใหญ่ ๆ มีราคาต่อกะรัตสูงมาก (เช่น เม็ด12.03 กะรัต “Blue Moon of Josephine” เคยถูกขายด้วยมูลค่ามหาศาล) International Gem Society วิกิพีเดีย | สีฟ้าจากธาตุบอแรน, ความต้องการสูง, เม็ดใหญ่สามารถผลักดันราคามาก |
| เขียว (Green) | ข้อมูลเฉพาะเจาะจงราคาต่อกะรัตยากกว่าพวกแดง-ฟ้า — แต่เพชรเขียวหายากจริงก็สามารถเป็นอัญมณีระดับสูงได้ (ข้อมูล IGS เน้นเพียง rare green diamond) International Gem Society | ความหายาก (แต่ไม่หายากเท่าแดง), ปัจจัยการปรับสีหรือ “modifier” สีเขียว, ความไม่สม่ำเสมอของสีเขียวในผลึก |
| ส้ม / ส้มแดง (Orange / Reddish Orange) | ตามแหล่งของ FCD Guide, เม็ด “Fancy Vivid Orange” เคยขายที่ ~ US$705,669 ต่อกะรัต (จาก Pumpkin Diamond) Novel Collection | สีสด, ถือว่าส่วนหนึ่งเป็น “rarer alternative” แต่ไม่หายากเท่าแดง, ความอิ่มของสี (saturation) มีผลมากต่อราคา |
มูลค่าสูงสุด
เพชรสีแดง (โดยเฉพาะ “pure red” หรือ “fancy vivid red”) มักมีราคาต่อกะรัตสูงกว่าเพชรสีอื่น เนื่องจากหายากมากและมีจำนวนน้อยในโลก
สีฟ้าระดับ “vivid” ใหญ่ ๆ ก็อาจใกล้เคียงมูลค่าสูง แต่หาเม็ดขนาดใหญ่และคุณภาพสูงยาก
ความเสี่ยง-รางวัล (Risk-reward)
ลงทุนใน เพชรสีแดง อาจให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงในเรื่องอุปทานและการขายต่อ
เพชรสีฟ้าหรือเขียวแม้หายาก แต่ตลาดสะสมอาจกว้างกว่า (ขึ้นอยู่กับเทรนด์และเม็ดที่โดดเด่น)
การสะสมระยะยาว
ผู้สะสม “สีแดง” มักเก็บไว้เป็นอัญมณี rare collectible มากกว่าใช้ประจำ
สีส้มหรือเขียวอาจถูกเลือกโดยผู้ที่ต้องการความแปลกและไม่ต้องจ่าย premium สูงเท่าแดง
ข้อมูลราคาเพชรสีหายากอาจ แปรผันมาก ขึ้นอยู่กับเม็ด สี (hue, tone, saturation), ขนาด, ใบรับรอง รวมถึงแหล่งที่มาของเม็ดเพชร
ตัวเลข “มูลค่าเฉลี่ย” อาจไม่สะท้อนเม็ดเฉพาะเจาะจง — เพชรเม็ดเล็ก สีไม่เข้ม หรือมี inclusion มาก อาจมีราคาต่ำกว่ามาก
ผู้ซื้อควรตรวจสอบ ใบเซอร์คุณภาพ (เช่น GIA) และอิงข้อมูลการประมูลจริง หากลงทุนในระดับ high‑end
เพชรสีแดง ยังคงขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีสีที่มี มูลค่าสูงที่สุดต่อกะรัต เมื่อเทียบกับสีหายากอื่น ๆ
เพชร สีน้ำเงิน (Blue) โดยเฉพาะ “fancy vivid” เม็ดใหญ่ ก็ถือเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดหายาก
เพชร สีเขียว และ ส้ม แม้มีความหายากและเอกลักษณ์ แต่โดยทั่วไปมูลค่าต่อกะรัตอาจต่ำกว่าเพชรแดงในระดับ rare สูงสุด
การเปรียบเทียบมูลค่าควรทำอย่างระมัดระวัง โดยดูจากเม็ดจริง, ใบเซอร์ และข้อมูลการประมูล
เพชรสีแดง