ในเดือนพฤศจิกายน 2020 เหมือง Argyle ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของเพชรสีชมพู แดง และสีอื่น ๆ ได้ปิดการทำเหมืองถาวรหลังดำเนินงานมากว่า 37 ปี ABC+2mint+2 การปิดเหมืองนี้ส่งผลโดยตรงต่ออุปทานเพชรสีแดง (และชมพู) เนื่องจาก Argyle เป็นหนึ่งในแหล่งหลักของเพชรสีเหล่านี้ในโลก Menz Mag+1
Farmonaut ระบุว่าการปิดเหมืองทำให้เกิด “ช็อกด้านอุปทาน (supply shock)” สำหรับเพชรแดง โดยการค้นพบเม็ดใหม่ลดลงอย่างมากและตลาดต้องพึ่งพาแหล่งสำรอง (secondary market) มากขึ้น Farmonaut® นอกจากนี้ ยังไม่มีแหล่งใหม่ที่แท้จริงมาแทนที่ขนาดและคุณภาพเทียบ Argyle ได้อย่างชัดเจนในปัจจุบัน Farmonaut®
เนื่องจากการผลิตจาก Argyle หยุดแล้ว และไม่มีแหล่งทดแทนที่เทียบได้ ความหายากของ เพชรสีแดง จะถูกเน้นย้ำในตลาดอย่างต่อเนื่อง Farmonaut®+1 แหล่งสต็อกเดิมจะถูกดูดกลืนเข้าสู่ตลาดนักสะสมและนักลงทุน ทำให้เม็ดที่เหลือมีมูลค่าสูงขึ้น
การปิดเหมือง Argyle ได้จุดประกายความสนใจในวงการนักสะสมระดับลักชัวรี โดยเฉพาะเพชรชมพูและแดงที่มี provenance จาก Argyle ABC+2The CEO Magazine+2 รายงานจาก Australian Pink Diamond Investments ระบุว่า Rio Tinto ยังคงรักษาแบรนด์ “Argyle” และเตรียมแพลตฟอร์มการซื้อขายพิเศษ (concierge trading) สำหรับเพชร Argyle สีแดง ชมพู และน้ำเงิน เพื่อรองรับนักสะสมและนักลงทุนระดับสูง pinkdiamondinvestments.com.au
ตามแหล่งวิจัยจาก ADC (Australian Diamond Company) ซึ่งอ้างถึงข้อมูลของ Fancy Colour Research Foundation เพชรชมพู Argyle มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยหลังปิดเหมืองอยู่ที่ 8–12% ต่อปี adc.com.au กลุ่มนักวิเคราะห์และนักลงทุนบางส่วนมองว่าแนวโน้มนี้อาจสะท้อนไปยังเพชรสีแดง เนื่องจาก rarity และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คู่มือการลงทุนเพชร (Investment Guide) ของ Diamond Portfolio ระบุว่าถ้าเพชรชมพู (Argyle) เติบโตปีละประมาณ 11% ตลอด 10 ปีข้างหน้า ตัวอย่างเม็ดมูลค่าสูงอาจเพิ่มมูลค่าเป็น 2–3 เท่าจากจุดเริ่มต้น Australian Diamond Portfolio ผ่านเส้นทางเดียวกัน เพชรสีแดงซึ่งหายากกว่าอาจได้รับแรงผลักดันราคาที่มากกว่านั้น
แม้ภาพรวมจะสดใสมาก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจชะลอการพุ่งขึ้นของ เพชรสีแดง:
ตลาดรอง (secondary market) อาจไม่ได้คล่องตัวเท่าตลาดเหมือง โดยการซื้อขายหลักอาจอยู่ใน auction house หรือตลาดนักสะสม ซึ่งอาจมีความผันผวนในช่วงระยะสั้น Menz Mag
ความนิยมของเพชรสังเคราะห์ (lab‑grown) อาจดึงเม็ดเงินบางส่วนออกจากตลาดเพชรธรรมชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ Menz Mag
แม้จะหาแหล่งใหม่ของเพชรสีแดงหรือชมพูได้ในอนาคต แต่เวลาในการพัฒนาเหมืองปกตินั้นยาวนาน (หลายปีกว่าจะถึงจุดผลิตเชิงพาณิชย์) และต้นทุนสูง Stockhead
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา อนุรักษ์ provenance (ต้นกำเนิด Argyle) และการประเมินคุณภาพ (certification) อาจสูง ซึ่งอาจกดดันผลตอบแทนสุทธินักลงทุน
โดยพิจารณาปัจจัยสนับสนุน (อุปทานจำกัด, ความต้องการสะสม, branding ของ Argyle) และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คู่มือวิจัยหลายแหล่งเสนอแนวคาดการณ์ในระยะ 10 ปี:
| สมมติฐาน | ทิศทางราคาเพชรสีแดงใน 10 ปี |
|---|---|
| สมมติฐานเชิงอนุรักษ์ (Conservative) | ประมาณ 8–12% ต่อปี (ตามแนว Pink จาก ADC) → มูลค่าอาจเพิ่ม 2–3 เท่าจากปัจจุบัน |
| สมมติฐานปานกลาง (Base Case) | การขาดแคลน supply รุนแรง + เพิ่มความต้องการ → ราคาขึ้นเฉลี่ย 15–20% ต่อปีในช่วงแรก แล้วค่อย ๆ ชะลอลง → มูลค่าสูงขึ้น 3–5 เท่าภายใน 10 ปี |
| สมมติฐาน “เบสท์เคส” (Bullish) | ตลาดสะสมระดับสูงแข็งแกร่งมาก, การประมูลร้อนแรง, ความเป็นมรดก Argyle → การเติบโต 20–30% ต่อปีในหลายปีแรก → มูลค่าอาจพุ่งสูง 5–8 เท่าภายใน 10 ปี (โดยเฉพาะเม็ด rare red). |
ตัวเลขเหล่านี้เป็นการคาดการณ์เชิงแนวโน้ม (projection) โดยอิงข้อมูลตลาดปัจจุบันและสมมติฐานอุปทาน-อุปสงค์ — ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดขึ้นตามเป๊ะ
หากคุณสนใจเข้าสู่ตลาด เพชรสีแดง หลังการปิดเหมือง Argyle นี่คือแนวทางที่ควรพิจารณา:
เน้นเม็ดที่มีเอกลักษณ์ (Provenance + Certification)
มองหาเพชรสีแดงจาก Argyle ที่มีใบรับรองและต้นกำเนิดชัดเจน
เม็ดที่ “Argyle branded” หรือ “Lot number” มีศักยภาพสูง
ลงทุนผ่านแพลตฟอร์มประมูล / ตลาดรองลักชัวรี
การเข้าร่วม tender ของ Rio Tinto (หรือคู่ค้าประมูล) อาจได้เม็ด rare สุดท้าย
ตลาด secondary ที่เชื่อถือได้ช่วยให้สามารถซื้อขายในระยะยาวได้
จัดสรรเป็นสินทรัพย์เพื่อการสะสม (collectible asset)
มองว่าเพชรแดงเป็นมากกว่า “เครื่องประดับ” — เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพด้านการเก็บรักษามูลค่า
ควรตั้งใจเก็บในสภาพปลอดภัย (vault) และประเมินการประกันรวม provenance
ติดตามแนวโน้มตลาดสีอื่น
แม้เน้นแดง แต่ความนิยมสีชมพู /น้ำเงิน Argyle ยังคงส่งผลร่วม — การเข้าใจตลาดสีอื่นอาจช่วยสร้างกลยุทธ์ยืดหยุ่น
เพชรสีแดง หลังการปิดเหมือง Argyle มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มมูลค่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากอุปทานใหม่หายากและความต้องการจากนักสะสมและนักลงทุนเพิ่มขึ้น
แนวโน้มราคาอาจเติบโตในระดับ 8–12% หรือมากกว่าต่อปี ตามสมมติฐานที่แตกต่าง
ความเสี่ยง เช่น การแข่งขันจากเพชรสังเคราะห์ และตลาดรองที่ไม่คล่องตัว จำเป็นต้องนำมาพิจารณา
สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว การเน้นเพชรแดงที่มี provenance, ใบรับรอง และการเก็บรักษาที่ดี คือกลยุทธ์สำคัญ
สรุปแบบกะทัดรัด: การปิดเหมือง Argyle ทำให้เพชรสีแดงกลายเป็นทรัพย์สินที่ “จำกัดและหายากถาวร” — หาก demand ยังคงเติบโต ราคามีโอกาสพุ่งสูงในทศวรรษหน้า แต่การลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวังและมีวิสัยทัศน์ระยะยาว
เพชรสีแดง